การขึ้นลงของราคาหุ้น

การขึ้นลงของราคาหุ้น(market price) ซึ่งขึ้นลงตามสภาวะของแรงต้องการชื้อและต้องการขาย แต่อาจไม่ใช่ราคาตามมูลค่าที่แท้จริงก็ได้ แรงขับเคลื่อนรราคาหุ้นเราอาจจะเรียกว่าเล่นหรือลงทุนก็อยู่ที่พฤติกรรมแต่ละบุคคลแต่ทุกพฤติกรรมนั้นสิ่งที่คาดหวังคือผลตอบแทนมากกว่าทุนที่ลงไป ชื้อในราคาถูกและนำไปขายในราคาที่แพงเป็นคำสามัญไปแล้วกะมัง แต่วิธีปฏิบัติช่างยากเหลือเกินยิ่งถ้าเรามีแต่ความต้องการอยากได้จนมองข้ามปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายนั้นการชื้อถูกแล้วขายแพงนั้นแทบไม่ได้สัมผัสแต่อาจจะเจอการที่ชื้อแล้วขายไม่ได้เลยเพราะขาดสภาพคล่องหรือไม่มีให้ขายเพราะกิจการล้มละลายหายสูญ นั่นคือสิ่งที่เราควรศึกษาหาความรู้และระมัดระวังในการลงทุน

ผลประกอบการของกิจการ โครงสร้างธุรกิจ แบรนด์ เครดิตเจ้าของหรือสินค้า และอีกหลายอย่าง ชื้อแล้วราคาหุ้นจะขึ้นหรือไม่ปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้เป็นตัวแปร  บางกิจการลงทุนในทรัพย์สินถาวรจำนวนมาก ผลตามมาคือกิจการนั้นจะมีค่าเสื่อมราคาซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายคงที่จำนวนมาก เมื่อยอดขายไม่ดีด้วยเหตุอะไรก็ตามรวมทั้งปัจจัยภายในและภายนอกก็จะทำให้กำไรของกิจการลดลงไปด้วยส่งผลให้ผู้ลงทุนที่คาดหวังผลประกอบการผิดหวังกับตัวเลขกำไรราคาหุ้นก็ไม่ขึ้นหรือโดนเท

ความเสี่ยงของตัวธุรกิจเองเช่น การเปลี่ยนแปลงของสังคมเทคโนโลยี การเมือง ทั้งกฎหมายกฎระเบียบต่าง ๆ หรือกิจการก่อหนี้ไว้จำนวนมาก จึงมีภาระจ่ายดอกเบี้ยจำนวนมาก หากกิจจการไม่สามารถสร้างยอดขายทำกำไรตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยตามภาระหน้าที่ได้อาจเสี่ยงที่เจ้าหนี้ฟ้องร้องดำเนินคดี หรือค่าเงินอะไรหรืออะไรอีกหลายประการหรือยิ่งกว่านั้นถ้าหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินเจ้าหนี้อาจฟ้องล้มละลายได้เมื่อกิจการล้มละลาย ผู้ถือหุ้นจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากจะแบ่งปันแก่เจ้าหนี้จนเสร็จสิ้นเหลือเท่าไหร่ถึงจะได้คืนตามส่วนหากไม่เหลือก็รับกรรมไป นอกจากจะขอฟื้นฟูกิจการเพื่อทำธุรกิจต่อแต่คำว่าฟื้นฟู ก็ย่อมแตกต่างจากคำว่า “เติบโต” แน่นอน

แม้จะศึกษารู้เท่าทันปัจจัยพื้นฐานเพียงใดแต่บางครั้งตลาดก็ไร้เหตุผล การมีวินัยจึงสำคัญอย่างยิ่งในความเห็นส่วนตัวเมื่อออกรบจบที่ตัวเราเงินเราเครื่องไม้เครื่องมือสมัยใหม่ไร้ใจ วินัยที่เคยยึดปฏิบัติแล้วทำเงินได้เช่นกราฟเทคนิคสัญญาณเตือนที่ได้ผลอยู่กับปัจจุบันดีที่สุด