มรดกต้องยื่นคำร้องต่อศาลทุกกรณีหรือไม่

ทรัพย์มรดกเมื่อเจ้าของตาย ตกสู่ทายาททันทีโดยผลของกฎหมาย
เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนตายหรือขณะถึงแก่ความตายจะตกทอดสู่ทายาททันทีเป็นผลของกฎหมาย การที่จะไปร้องขอต่อศาลเพื่อตั้งผู้จัดการมรดกเพื่อจัดการแบ่งปันแก่ทายาทนั้นจำเป็นทุกรายหรือไม่ที่ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาล ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงแต่ละกรณีอาจไม่จำเป็นทุกรายอยู่ที่การจัดการทรัพย์มรดกนั้นมีเหตุขัดข้องหรือมีเหตุตามที่กฎหมายกำหนดเกณฑ์ไว้หรือไม่เช่น ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมได้สูญหายไป หรือเป็นผู้เยาว์หรือมีเหตุอื่นเช่นทายาทไม่ให้ความร่วมมือจะแบ่งปันกันหรือทรัพย์สินอยู่กับบุคคลภายนอก เช่น มีเงินฝากอยู่ที่ธนาคารเป็นชื่อผู้ตายแล้วทายาทไม่สามารถถอนหรือปิดบัญชีได้ จึงมีความจำเป็นต้องที่ต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อตั้งผู้จัดการมรดกเพื่อให้มีอำนาจทำหน้าที่จัดการหรือแบ่งปันทรัพย์แก่ทายาทนั่นเองผู้ยื่นคำร้องต้องมีส่วนได้เสียหรือเป็นทายาทผู้มีสิทธิ์จะได้รับมรดกเท่านั้นที่มีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลได้
ไม่ใช่ว่าใครอยากจะยื่นก็ได้ ต้องเข้าเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น แล้วใครล่ะคือทายาท ...ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติทายาทของผู้ตายเจ้ามรดกไว้ตามลำดับดังนี้ คือ
๑.เป็นบุตรผู้สืบสันดาน
๒.เป็นบิดา-มารดา
๓.เป็นพี่-น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
๔.เป็นพี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
๕.ปู่ย่า-ตายาย
๖.เป็นลุงป้าน้าอา
ส่วนกรณีสามีภริยาของผู้ตายไม่อยู่ในลำดับใดในหกลำดับ แต่ผลกก็คือเป็นทายาทเช่นกันและเฉพาะสามีภริยาที่ได้จดทะเบียนสมรสกันเท่านั้น กรณีที่อยู่กินกันฉันสามีภริยาคนทั่วไปญาติพี่น้องรู้แม้จัดงานแต่งใหญ่โตและอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าก็ไม่ใช่ทายาทที่จะมีสิทธิ์ได้รับมรดกของอีกฝ่ายจึงไม่มีสิทธิ์ขอเป็นผู้จัดการมรดกได้
ผู้รับพินัยกรรมและเจ้าหนี้ก็มีสิทธิยื่นคำร้องได้ถ้าเข้าเงื่อนไขฯ ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนผู้ที่จะเป็นผู้จัดการมรดกนั้นจะเป็นใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทดังกล่าวข้างต้นเพียงแต่เต็มใจที่จะเข้ามาทำหน้าที่จัดการทรัพย์สินของผู้ตายเพื่อนำไปแบ่งปันทรัพย์ให้แก่ทายาทตามกฎหมายเท่านั้นไม่ใช่เข้ามารับมรดก