จำนวนเงินในเช็ค เรียกดอกเบี้ยได้หรือไม่

กฎหมายไม่อนุญาตให้เรียกดอกเบี้ยตามจำนวนเงินในเช็ค ดอกเบี้ยนั้นปกติจะเกิดขึ้นได้สองประการ คือจากข้อตกลงของคู่สัญญาอย่างหนึ่งเพื่อเป็นค่าตอบแทนการใด้ใช้เงินของผู้อื่น กับเกิดจากบทบัญญัติของกฎหมายอีกอย่างหนึ่ง
เช็คนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๙๘๗ บัญญัติว่า “อันว่าเช็คนั้น คือหนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้สั่งจ่าย สั่งธนาคารให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งอันเรียกว่า ผู้รับเงิน” ดังนั้นเช็คจึงเป็นเรื่องที่ธนาคารจัดการ รับจ่ายเงินให้กับผู้ฝากเท่านั้น และธนาคารต้องใช้เงินให้กับผู้ทรงเช็คทันทีเมื่อผู้ทรงเช็คทางถามและผู้ทรงจะทำการทวงถามเมื่อเช็คนั้นถึงกำหนดชำระตามวันที่ลงในเช็ค และวันที่ลงในเช็คก็คือวันที่ธนาคารต้องใช้เงินตามเช็คเพราะฉะนั้นย่อมไม่มีช่างเวลาให้คิดดอกเบี้ยได้
ดังนั้นถ้าเขียนข้อความกำหนดลงในเช็คว่าจำนวนเงินที่ต้องใช้นั้นให้คิดดอกเบี้ยด้วย ข้อความนั้นหาเป็นผลอย่างใดไม่ ตาม ปพพ.มาตรา ๘๙๙ ที่กฎหมายห้ามคู่กรณีเรียกดอกเบี้ยจากกันนั้นเฉพาะดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเป็นค่าตอบแทนเท่านั้น แต่ไม่รวมดอกเบี้ยในค่าเสียหายหรือดอกเบี้ยในกรณีผิดนัดย่อมเรียกได้โดยอาศัยมาตรา ๒๒๔ อันเป็นหลักทั่วไป
แต่กฎหมายยอมให้ตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงินเรียกดอกเบี้ยได้เพราะตั๋วแลกเงินนั้น มาตรา ๙๐๘ บัญญัติว่า “อันว่าตั๋วแลกเงินนั้น คือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้สั่งจ่ายสั่งบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จ่าย ให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่บุคคลคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับเงิน” ตั๋วแลกเงินจึงเป็นเรื่องที่ผู้สั่งจ่ายสั่งให้ลูกหนี้คือผู้จ่าย จ่ายเงินให้กับผู้ทรง ดังนั้นผู้สั่งจ่ายจึงมีอำนาจให้ผู้จ่าย ให้ดอกเบี้ยตามจำนวนเงินในตั๋วแลกเงินนั้นในเรื่องตั๋วสัญญาใช้เงินก็เช่นเดียวกัน
เช็คนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๙๘๗ บัญญัติว่า “อันว่าเช็คนั้น คือหนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้สั่งจ่าย สั่งธนาคารให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งอันเรียกว่า ผู้รับเงิน” ดังนั้นเช็คจึงเป็นเรื่องที่ธนาคารจัดการ รับจ่ายเงินให้กับผู้ฝากเท่านั้น และธนาคารต้องใช้เงินให้กับผู้ทรงเช็คทันทีเมื่อผู้ทรงเช็คทางถามและผู้ทรงจะทำการทวงถามเมื่อเช็คนั้นถึงกำหนดชำระตามวันที่ลงในเช็ค และวันที่ลงในเช็คก็คือวันที่ธนาคารต้องใช้เงินตามเช็คเพราะฉะนั้นย่อมไม่มีช่างเวลาให้คิดดอกเบี้ยได้
ดังนั้นถ้าเขียนข้อความกำหนดลงในเช็คว่าจำนวนเงินที่ต้องใช้นั้นให้คิดดอกเบี้ยด้วย ข้อความนั้นหาเป็นผลอย่างใดไม่ ตาม ปพพ.มาตรา ๘๙๙ ที่กฎหมายห้ามคู่กรณีเรียกดอกเบี้ยจากกันนั้นเฉพาะดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเป็นค่าตอบแทนเท่านั้น แต่ไม่รวมดอกเบี้ยในค่าเสียหายหรือดอกเบี้ยในกรณีผิดนัดย่อมเรียกได้โดยอาศัยมาตรา ๒๒๔ อันเป็นหลักทั่วไป
แต่กฎหมายยอมให้ตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงินเรียกดอกเบี้ยได้เพราะตั๋วแลกเงินนั้น มาตรา ๙๐๘ บัญญัติว่า “อันว่าตั๋วแลกเงินนั้น คือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้สั่งจ่ายสั่งบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จ่าย ให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่บุคคลคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับเงิน” ตั๋วแลกเงินจึงเป็นเรื่องที่ผู้สั่งจ่ายสั่งให้ลูกหนี้คือผู้จ่าย จ่ายเงินให้กับผู้ทรง ดังนั้นผู้สั่งจ่ายจึงมีอำนาจให้ผู้จ่าย ให้ดอกเบี้ยตามจำนวนเงินในตั๋วแลกเงินนั้นในเรื่องตั๋วสัญญาใช้เงินก็เช่นเดียวกัน